แคลเซี่ยมกับร่างกายของเรา

แคลเซียมเป็นเกลือแร่ที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ เกือบทั้งหมดจะอยู่ในกระดูกและฟัน คิดเป็นประมาณ 99% ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงแคลเซียม เรามักจะนึกถึงกระดูกและฟัน แต่ที่จริงแล้วแคลเซียมยังมีอยู่ในเซลล์ประสาท เนื้อเยื่อ เลือด และของเหลวอื่นๆ ในร่างกายที่ไม่ใช่กระดูกอีกประมาณร้อยละ 1

แคลเซียมกับสุขภาพ

แคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของโครงสร้างกระดูก และกระดูกยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บสะสมแคลเซียม เพื่อรักษาไว้ซึ่งระดับแคลเซียมในกระแสเลือด ซึ่งกระดูกทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย รักษารูปร่างและลักษณะของร่างกายให้สวยงาม และยังเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ เป็นเกราะป้องกันอวัยวะภายในต่างๆ ของร่างกายไม่ให้ได้รับความเสียหายเมื่อถูกกระทบกระเทือน อย่างไรก็ตาม แคลเซียม มิใช่เป็นเพียงตัวเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการทำงานของระบบอื่นๆในร่างกายอีกด้วย ได้แก่ การช่วยการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลเกิดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือด นอกจากนี้ แคลเซียม ยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจปกติและการส่งสัญญานประสาทที่ถูกต้อง รักษาความสมดุลของกรดด่างในเลือดและความดันโลหิตให้ปกติ การกระตุ้นให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมน และการกระตุ้นปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ต่างๆ


แคลเซี่ยมกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน
www.healthy-options.com


ร่างกายมีการดูดแคลเซียมและนำแคลเซียมมาใช้ในการสร้างกระดูกอย่างต่อเนื่อง การมีปริมาณแคลเซียมที่พอเพียงอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลาของชีวิตที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกและ ฟัน ระยะเวลาในการตั้งครรภ์และให้นมบุตร ช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เด็กหญิงและชายส่วนใหญ่มีส่วนสูงและขนาดกระดูกเพิ่มขึ้น ในอัตราที่รวดเร็ว จากการศึกษาพบว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่างแคลเซียมและสุขภาพของกระดูกในร่างกายคน การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเพียงในวัยเด็กและวัยรุ่น ช่วยให้มีความหนาแน่นของกระดูกที่ดีขึ้น การศึกษาสตรีวัยสาวสุขภาพดีเป็นเวลานาน 3 ปี แสดงให้เห็นว่าการได้รับอาหารประเภทนมที่อุดมไปด้วยแคลเซียมเพิ่มขึ้น ช่วยป้องกันการสูญเสียกระดูกในกระดูกสันหลัง เมื่อเทียบกับสตรีกลุ่มที่ไม่ได้รับแคลเซียมจากอาหารเพิ่มขึ้น การได้รับแคลเซียมและวิตามินดีจากอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราการสูญเสียกระดูกและการแตกหักของกระดูกลดลงในสตรีและบุรุษสูงอายุ นอกจากนี้ยังมีข้อบ่งชี้ว่าเด็กชาวเอเชียที่มีภาวะโภชนาการที่ดี ได้รับเกลือแร่ชนิดจำเป็นครบทุกชนิด รวมทั้งแคลเซียมตั้งแต่เด็ก(ซึ่งที่ผ่านมาได้รับในปริมาณที่ไม่พอเพียง) สามารถมีร่างกายสูงใหญ่ได้ใกล้เคียงกับชาวตะวันตก

 ปริมาณความต้องการแคลเซี่ยมต่อวัน (มก.)

เด็กเล็ก 1 -6 ปี            800
เด็กวัยรุ่น                   1200
สตรีหมดประจำเดือน    1200
สตรีมีครรภ์ให้นมบุตร    1200
ผู้ใหญ่                         800

แต่คนส่วนใหญ่ได้รับ แคลเซียม น้อยกว่าครึ่งของที่ควรจะได้รับต่อวัน

แคลเซี่ยมกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน
www.healthnavigator.org.nz

ประโยชน์ของแคลเซียม
  • ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกระดูก ทำให้กระดูกไม่พรุน เปราะบาง หรือหักง่าย โดยเฉพาะกับคนที่เริ่มมีอายุมากขึ้น
  • ช่วยในการเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายสามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ ไม่แคระแกร็น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต
  • ช่วยรักษาฝันไม่ให้ผุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า แคลเซียมเป็นส่วนที่ช่วยให้ฟันนั้นแข็งแรงและมีอายุในการใช้งานที่ยาวนาน ดังนั้นนอกจากการแปรงฟันเพื่อทำความสะอาดแล้ว ก็ควรที่จะได้รับแคลเซียมเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันจากภายในด้วย
  • ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็ว โดยเฉพาะเวลาที่เกิดบาดแผล คนที่เลือดแข็งตัวเร็วก็จะทำให้เลือดรวมกันเป็นก้อนเป็นลิ่ม ช่วยปิดบาดแผล
  • ช่วยให้ไม่เป็นตะคริว บางคนอาจเป็นตะคริว โดยเฉพาะตะคริวที่น่องในเวลาที่นอนพักผ่อน ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดแคลเซียมก็เป็นได้
  • ช่วยให้ไม่ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดเข่า หรือปวดตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
  • ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ไม่เจ็บปวดง่าย หรือเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
  • ช่วยทำให้ภาวะทางอารมณ์เป็นปกติ ไม่หงุดหงิด ซึมเศร้า ขี้กลัว หรือนอนไม่หลับ
  • ทำหน้าที่เป็นตัวนำสัญญาณระหว่างเซลประสาทให้สื่อสารกันได้เป็นปกติ

แหล่งแคลเซียมจากอาหาร
แคลเซี่ยมกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน
www.hhtotalcare.com
ร่างกายคนเราจึงขาดแคลเซียมไม่ได้ เมื่อแคลเซี่ยมในร่างกายไม่พอ ระบบร่างกายก็จะไปดึงแคลเซียมมาจากกระดูกแทน ส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่รับประทาน แคลเซียม น้อยกว่าครึ่งของที่ควรจะได้รับต่อวันทำให้กระดูกบางลง และความแข็งแรงของกระดูกลดลงเรื่อยๆ นำไปสู่โรคกระดูกพรุน

แคลเซียม เป็นสารอาหารที่อยู่ในนม เนยแข็ง ไข่แดง ปลาต่างๆ และปลาตัวเล็ก (เล็กขนาดกินก้างได้) กุ้งแห้ง ปู หอย กะปิ งาดำ ถั่วเหลือง เต้าหู้ ลูกเดือย ผักใบเขียว เช่น คะน้า ใบกะเพรา ใบโหระพา สะเอา ใบยอ ผักกะเฉด ผักโขม ใบมะกรูด เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับประทานแคลเซียมร่วมกับ แมกนีเซียม และ วิตามินดี โดยเราจะได้รับ วิตามินดีจากแสงแดดธรรมชาติและในอาหารต่างๆ วิตามินดีและแมกนีเซียม ช่วยให้ร่างกายดูดซึม แคลเซียมได้เป็นปกติ

สำหรับคนที่ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มี แคลเซียม ได้ ก็สามารถทดแทนได้ด้วยอาหารเสริม แคลเซียม ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปและราคาไม่แพง โดยมักจะอยู่ในรูปของ แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมกลูโคเนต แคลเซียมซิเตรด และปริมาณที่ร่างกายจะได้รับ แคลเซียม จากอาหารเสริมเหล่านี้ก็จะขึ้นกับว่าในแต่ละแบบจะให้ แคลเซียม แก่ร่างกายเท่าไร เช่น แคลเซียมคาร์บอเนตจะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียม ประมาณ 40% แคลเซียมกลูโคเนตจะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียม ประมาณ 9% ทั้งนี้ยังขึ้นกับการดูดซึมแคลเซี่ยมเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย



ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซี่ยมผสมแมกนีเซี่ยมตรากิฟฟารีน
Giffarine Cal-D-Mag : กิฟฟารีน แคลดีแมก 

กิฟฟารีนแคลดีแมก,แคลเซี่ยมกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน

สนใจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพของกิฟฟารีน !! คลิก !!


 

Sustainhealthy

คอลลาเจนกับสุขภาพร่างกาย

คอลลาเจนกับสุขภาพ
คอลลาเจน(Collagen) ตามธรรมชาติในร่างกายมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ proteoglycan และ glycosamionglycans จัดเป็นโปรตีนเนื้อเยื่อเส้นใยชนิดหนึ่งที่มีความยืดหยุ่น เรียกว่า elastic fiber ซึ่งประกอบไปด้วย amino acid หลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่ glycene, prolene และhydroxyprolene ที่มีความสำคัญยิ่งต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายมากมาย เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก กระดูกอ่อน ข้อ เหงือก ฟัน ตา หลอดเลือด ผิวหนัง เนื้อเยื่อที่เกี่ยวกับการยึดเหนี่ยว (ligaments) เส้นผม เล็บ ตลอดจนผนังหลอดเลือด

คอลลาเจนมีอยู่หลายชนิด แต่หลักๆได้แก่
ชนิดที่ 1 พบที่ผิวหนัง ที่เจริญเต็มที่ กระดูกและเอ็น
ชนิดที่ 2พบที่กระดูกอ่อน
ชนิดที่ 3พบที่ผิวหนังของทารก หรือผิวหนังที่เริ่มมีการสร้างใหม่ เช่น ผิวหนังที่เป็นแผลและเริ่มมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ นอกจากนี้ยังพบที่เส้นเลือดและทางเดินอาหาร
ชนิดที่ 4พบที่เยื่อหุ้มเซลล์
ชนิดที่ 5 และ 6พบได้ทั่วๆไป

นอกจากนี้ก็ยังมีคอลลาเจนอีกหลายชนิด ที่ค้นพบ ซึ่งแต่ละชนิดจะมีมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเนื้อเยื่อและอวัยวะ

คอลลาเจนจะช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง มีหน้าที่ในการป้องกันอวัยวะต่างๆในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆให้อยู่ด้วยกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับหรือเคลื่อนไหวไปมาได้ดี โดยเฉพาะเนื้อเยื่อของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อส่วนต่างๆในการรับน้ำหนักและขยับไปมาในอิริยาบถต่างๆ โดยในร่างกายของคนเราพบว่ามีโปรตีนอยู่มากมาย แต่มีประมาณ 33% ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายจะเป็น collagen และยังเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 75 ของผิวหนัง จึงเป็นตัวที่ช่วยให้ผิวหนังหรือผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น นุ่มนวล ดูสดใส กระชับและเต่งตึงขึ้น ซึ่งคอลลาเจนที่พบในส่วนของผิวนี้จะพบที่ชั้นหนังแท้ (dermis) ซึ่งเป็นผิวชั้นที่ 2 ที่อยู่ใต้ชั้นหนังกำพร้าและเป็น collagen ชนิดที่ 1,3 และ 4 แต่ถ้าเป็นชนิดที่พบในกระดูกอ่อนตรงข้อ จะเป็น collagen ชนิดที่ 2

ระดับของ ปริมาณ collagen ในร่างกายจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น คือ เมื่ออายุย่างเข้า 30 ปี อัตราการสร้างหรือสังเคราะห์ collagen จะเริ่มลดลงปีละ 1.5% ในทุกๆปี และจะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเมื่อระดับของ collagen ลดลง ก็จะทำให้ความยืดหยุ่นและสภาพความแข็งแรงของโครงสร้างอวัยวะต่างๆของร่าง กายลดลงด้วย ช่วงที่ collagen ในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ร่างกายก็จะเริ่มสูญเสียความแข็งแรงของผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน ตรงข้อต่อ ที่เป็นสามเหตุของปัญหาโรคข้อเสื่อมตามมา จนเกิดปัญหาปวดข้อ ข้อฝืด ข้อแข็ง ข้อผิดรูป และข้ออักเสบ เป็นต้น ในส่วนของผิวหนังก็จะเกิดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และรอยตีนกาเกิดขึ้น

อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน
http://nippicollagen.com
เนื่องจาก คอลลาเจน เป็นส่วนประกอบของกระดูก เอ็น และเนื้อเยื่อ ที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยว ส่วนต่างๆ ในร่างกาย นักวิจัยจึงเชื่อว่าการที่ร่างกายมีคอลลาเจน อย่างเพียงพอจะช่วยลดอาการของโรคข้อต่ออักเสบ รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคดังกล่าวได้โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยง เช่น นักกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายหนักๆ เป็นต้น ทั้งนี้การรับประทานคอลลาเจนอาจเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างกับการรับประทานอาหาร ประเภทโปรตีน แต่เนื่องจากร่างกายคนเรามีปัจจัยแตกต่างกัน เช่น เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้น้อยลง รูปแบบชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันที่ทำให้คนเรามีความเครียดสูง ต้องเผชิญกับมลพิษรอบตัว ไม่มีเวลารับประทานอาหารหรือทานก็ไม่เป็นไปตามหลักโภชนาการอาหาร ฯลฯ ทำให้ร่างกายมีคอลลาเจนไม่เพียงพอกับความต้องการ การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเพื่อทดแทนในส่วนที่ขาดจึงได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน

อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน
http://draxe.com
นอกจากนั้น การรับประทานนั้นยังเป็นการนำคอลลาเจน(collagen)เข้าไปเสริมสร้างทั้งส่วนของผิวพรรณและสุขภาพทั่วร่างกาย โดยผลการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของสารที่สกัดจากโปรตีนของ ปลาทะเลน้ำลึกบางประเภทที่มีโครงสร้างทางโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้าง คอลลาเจน (collagen) ของผิวคนเรา โดยวิธีการ Enzymatic Hydrolysis เป็นประจำอย่างต่อเนื่องนั้น สามารถช่วยเสริมสร้าง คอลลาเจน (collagen) ที่สูญเสียไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยปกป้องและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้งกระด้าง ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น นุ่มนวล คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงร่างกายในส่วนที่มีคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย


ซึ่งรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อนิยมใช้คอลลาเจน ที่เรียกว่าคอลลาเจนTypeI ที่สกัดจากปลาทะเล (Bio-marine Collagen) เพราะมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์มากที่สุด นำมาตัดแต่งพันธะเคมีด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้มีโมเลกุลเล็กลงและง่ายต่อการดูดซึม เรียกว่าไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน (Hydrolyzed Collagen) หรือคอลลาเจน ไฮโดรไลเสท (Collagen Hydrolysate) ถือเป็นทางหนึ่งที่ช่วยเสริมคอลลาเจนให้ผิวพรรณได้ง่ายขึ้น เพราะในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกของการหลับ ต่อมพิทูอิตารีในสมองจะหลั่งโกรว์ธ ฮอร์โมน (Growth Hormone) สู่กระแสเลือดเพื่อฟื้นฟูส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากมีคอลลาเจนเพียงพอก็จะช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนเพื่อซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ สึกหรอได้ดียิ่งขึ้น และยังมีผลทางอ้อมต่อการลดน้ำหนักไปพร้อมกัน กล่าวคือเมื่อร่างกายมีการสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันมากขึ้นด้วย การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าการรับประทาน อาหารประเภทโปรตีนในปริมาณมากก่อนเข้านอน
คอลลาเจน(collagen) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณที่เสื่อมสภาพลงเนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหญิงและชายที่มีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป และควรศึกษาคำเตือนบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ก่อนการรับประทาน

อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,กิฟฟารีนคอลลาเจนแมกซ์
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนตรากิฟฟารีน
กิฟฟารีน คอลลาเจนแมกซ์ : Giffarine Collagen Maxx

อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน,กิฟฟารีนยูซีทู
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนตรากิฟฟารีน
กิฟฟารีน คอลลาเจนยูซีทู : Giffarine Collagen UCII

สนใจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพของกิฟฟารีน !! คลิก !!


Sustainhealthy

คอลลาเจนกับผิวพรรณ

คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วยโดยคิดเป็น 25% ถึง 35% ของปริมาณโปรตีนทั้งร่างกาย เป็นโปรตีนโครงสร้างหลักที่เป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีหน้าที่สำคัญในการเชื่อมและยึดจับเซลล์เนื้อเยื่อเข้าด้วยกัน เช่น เส้นเอ็น ข้อต่อ กระดูกต่างๆ รวมถึงช่วยเสริมการสร้างเนื้อเยื่อและเส้นเลือด สามารถพบได้ทั่วไปในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยปกติทั่วไปเรามักเข้าใจว่าคอลลาเจนเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนังอยู่มาก จึงมีแรงสปริงและยืดหยุ่นดีตามไปด้วย แต่ที่จริงแล้วคอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกาย ก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ส่วนใหญ่พบคอลลาเจนในรูปเส้นใยฝอยยืดใน เช่น เอ็นกล้ามเนื้อ (tendon) เอ็น (ligament) และผิวหนัง ทั้งพบในกระจกตา กระดูกอ่อน กระดูก หลอดเลือด ทางเดินอาหารและหมอนกระดูกสันหลัง  ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มใยกล้ามเนื้อ (endomysium) โดยมีคอลลาเจนเป็น 1% ถึง 2% ของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และเป็น 6% ของน้ำหนักกล้ามเนื้อมีเอ็นที่แข็งแรงได้แก่ ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน, เอ็น, เอ็นกล้ามเนื้อและกระดูก

อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน
www.wiley.com


คอลลาเจนกับผิวพรรณ
ผิวหนังของคนเรา ปกติแล้วแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ
1. ชั้นหนังกำพร้า ( Epidermis )
เป็น ผิวชั้นนอกสุด ประกอบด้วยเซลผิวหนัง ( Keratinocyte ) ซึ่งเป็นเซลที่มีหน้าที่สร้างสารเคอราติน ( Keratin )  ปกคลุมผิวหน้าของผิวหนังเป็นชั้นขี้ไคล  ชั้นหนังกำพร้านี้ทำหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นให้กับพื้นผิว ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
2.  ชั้นหนังแท้ ( Dermis )
เป็นผิวชั้นใน ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเส้นใยประสานกันไปมาคือ โปรตีนเส้นใยของคอลลาเจน ( Collagen fibers ), โปรตีนเส้นใยอีลาสติก ( Elastic fibers )  และโปรตีนเส้นใยร่างแห  ( Recticulum fibers ) นอกจากนี้ยังมีกล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาทต่าง ๆ ที่รับความรู้สึกอยู่ด้วย
3. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ( Subcutis )
ทำหน้าที่รองรับผิวหนังให้คงรูปร่าง  ช่วยลดการกระทบกระแทก และเป็นแหล่งพลังงานของร่างกายยามขาดแคลนพลังงาน
อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน
www.margiesmassage.com

ในส่วนของผิวพรรณนั้นคอลลาเจนจะเป็นโปรตีนที่ประสานกันเป็นเส้นใยอยู่ใต้ชั้นผิวหนังแท้  มีส่วนสำคัญทำให้มีผิวพรรณมีสุขภาพดี เป็นตัวช่วยเสริมสร้างความเรียบตึงของผิวหนังทำให้ผิวแข็งแรงและเรียบ เนียน สร้างความตึงกระชับให้กับผิว โดยจะทำงานคู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ อีลาสติน (Elastin) ซึ่งช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวและทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว  อีลาสตินก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว
คงความชุ่มชื่นให้เซลล์ผิว ยิ่งผิวสูญเสียความชุ่มชื่นมากเท่าไหร่ ริ้วรอยถาวรก็ปรากฏเร็วขึ้นเท่านั้น จึงควรชะลอวัยให้ผิวด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน โปรคอลลาเจน อิลาสติน เอเอชเอ หรือเรตินอล ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เคราติน เคราตินมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เมื่อสารเคราตินในชั้นผิวลดลง จึงเกิดริ้วรอย (wringkle) บนชั้นผิว, นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตาด้วย
การสังเคราะห์คอลลาเจนเกิดในชั้นผิวหนังแท้(Dermis) ซึ่งมีเซลล์ชื่อไฟโบรบลาสท์(Fibroblast) กระจายอยู่ทั่วและทำหน้าที่ผลิตสารสำคัญต่อผิว 3 ชนิดคือ 1.คอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ผิวตึงกระชับ 2.อิลาสติน (Elastin) ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และ 3.กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น เอิบอิ่ม โดยรวมแล้วในชั้นผิวหนังแท้จะมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบมากที่สุดถึง 75%

สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและสุขภาพผิวที่ดี
การรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม นอกจากทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว ควรเน้นผักและผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน เพราะมีคุณสมบัติปกป้องและเพิ่มความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนและอิลาสตินได้ดี

-วิตามินซี
• วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant )  มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการเปลี่ยน กรดอะมิโน ( Amino Acid ) ชื่อ Proline เป็น Hydroxy Proline และ Lysine เป็น Hydroxylysine โดยทั้ง Hydroxyproline และ Hydroxylysine มีความสำคัญในการสร้างคอลลาเจน
• เป็นตัวสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนจากกรดอะมิโนให้กับผิว
• การขาดวิตามินซีอาจส่งผล ทำให้ยับยั้งการสังเคราะห์คอลลาเจน

-ไลโคปีน(Lycopene)
• เป็นสารแคโรทีนอยด์สีแดง พบได้ในมะเขือเทศและผลไม้ที่มีสีแดง  ไลโคปีน เป็นสารแคโรทีนอยด์ที่พบว่ามีปริมาณมากที่สุดในร่างกายมนุษย์  โดยมักพบอยู่ในผนังเซล์และมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สูงกว่าสารแคโรทีนอยด์อื่น ๆ   ไลโคปีน ช่วยลดความผิดปกติและความเสื่อมของเซลล์อันเนื่องมาจากการทำลายของอนุมูล อิสระจึงสามารถป้องเซลล์ในอวัยะต่าง ๆ ที่มีสารไลโคปีนอยู่
• สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ด้วยกลไกการยับยั้งอนุมูลอิสระที่จะไปทำลาย LDL Cholesterol เพราะการที่ LDL Cholesterol ถูก Oxidized ด้วยอนุมูลอิสระ จะทำให้ดึงเม็ดเลือดขาวมาทำลายผนังหลอดเลือดทำให้เกิดการอักเสบและผนังหลอด เลือดหนาตัวขึ้นกลายเป็น Plaque หรือตะกอน เกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลทำให้หลอดเลือดแข็ง ไม่ยืดหยุ่นและตีบ มีงานวิจัยที่ชัดเจน ในญี่ปุ่น พบว่า ผู้ที่มีระดับ ไลโคปีนในเลือดสูงจะลดอัตราตายจากโรคหัวใจอย่างมีนัยสำคัญ
• ยับยั้ง เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของมนุษย์
• อาจมีบทบาทในการช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่างๆ  โดย เริ่มมีงานวิจัยในเรื่องนี้ บ้างแล้ว แต่ยังมีข้อมูลจำกัดอยู่ คือยังมีไม่มากได้แก่ มะเร็งต่อมลูกหมาก ( prostate cancer)   มะเร็งรังไข่ ( ovarian cancer ), มะเร็งกระเพาะอาหาร ( gastric cancer ) และมะเร็งตับอ่อน ( pancreatic cancers)

-ไลซีน(L-Lysine)
• เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ( Essential amino acid ) หมายความว่าร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานเข้าไปจากอาหารเท่านั้น มีความจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโปรตีนทุกชนิดในร่างกาย
• ไลซีน (L-Lysine) เป็นสารตั้งต้นในการสร้าง Hydroxylysine ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงเป็นเหตุเป็นผลกันว่าการรับประทานไลซีนจะช่วยเสริมสร้าง Collagen โดยไลซีนจะถูกเปลี่ยนเป็น Hydroxylysine ได้นั้น จำเป็นต้องมีวิตามินซีอยู่ด้วย
• ไลซีน นิยมทำเป็นอาหารสุขภาพ ทั้งแยกเดี่ยวต่างหาก และใส่ร่วมในอาหารสุขภาพชนิดอื่น ๆ

-ทองแดง(Copper)
• มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน และยังทำงานร่วมกับวิตามินซีในการสร้าง อีลาสติน ซึ่งจะทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น นุ่มนวลและแข็งแรง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ดีเพียงไร การใช้ชีวิตอย่างพอดี การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารครบ5หมู่ และทำจิตใจให้แจ่มใส ก็ยังเป็นวิธียืดอายุคอลลาเจนที่สำคัญที่สุด หากรักษาสมดุลการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมแล้ว สุขภาพดีและผิวพรรณอ่อนเยาว์ก็จะอยู่กับเราไปอีกนานแน่นอน

อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกิฟฟารีน,กิฟฟารีนคอลลาเจนแมกซ์
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนตรากิฟฟารีน
กิฟฟารีน คอลลาเจนแมกซ์ : Giffarine Collagen Maxx


อาหารเสริมคอลลาเจนกิฟฟารีน,อาหารเสริมสุขภาพกิฟฟารีน,อาหารเสริมกิฟฟารีน,กิฟฟารีนเปปไทด์sop100
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเปปไทด์ตรากิฟฟารีน
กิฟฟารีน คอลลาเจนเปปไทด์SOP100 : Giffarine Collagen SOP100+

สนใจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพของกิฟฟารีน !! คลิก !!


Sustainhealthy

Facebook bot last visit time powered by Myip.ms

Healthyviva ©Template by Dicas Blogger.

TOPO